“It gets easier. Every day it gets a little easier. But you got to do it every day — that’s the hard part. But it does get easier.” ลิงบาบูนตัวหนึ่งพูดกับ Bojack Horseman ในซีรีส์ชื่อเดียวกัน คำแนะนำข้างต้นนั้นอยู่ในบริบทของการวิ่งออกกำลังกาย และการใช้ชีวิต
ซึ่ง ไม่เห็นจะจริงเลยวะ
ปีที่แล้วเราตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่ทำตัวเป็นขยะ จะออกจากคอมฟอร์ตโซน จะกังวลให้น้อย ๆ แล้วมาเช็คดูแต่ละวันว่าทำได้อย่างที่ตั้งใจไว้รึเปล่า ถ้าทำได้ก็บันทึกไว้
ผ่านไปปีนึง มองย้อนไปก็พบว่าทำได้บ้างไม่ได้บ้าง บางช่วงก็ดีหน่อย ทำได้ทุกวันติดต่อกันหลายอาทิตย์ บางทีก็ทำตัวเป็นขยะสองวันติด แต่ก็พยายามมาเรื่อย ๆ one day at a time
แต่มันไม่ได้ง่ายขึ้นเลยอะ
ถึงจะพยายามเท่าไหร่ พอตื่นขึ้นมาอีกวันก็เหมือนต้องเริ่มต้นใหม่ กลับไปเป็นศูนย์ ไอ้ที่ทุลักทุเลแทบตายเมื่อวานมันไม่ได้ทำให้วันนี้ง่ายขึ้นเลย ไม่มีการพัฒนา ไม่มีเลเวลอัพ ไม่รู้สึกว่าตัวเองดีขึ้น เก่งขึ้น เหมือนกับวันที่ผ่านไปมันไม่ช่วยอะไรเราเลย เหมือนถ้าเราอยู่กลางทะเลแต่พยายามแค่ไหนมันก็ไม่ได้ว่ายเข้าใกล้ฝั่งมากขึ้น แต่ละวันขอแค่พยุงตัวเองให้ไม่จมก็พอแล้ว
แล้วคือแบบ ต่อจากนี้ทำไงอะ แผนระยะยาวคืออะไรอะ พยุงตัวไปเรื่อย ๆ งี้เหรอ อีกปีนึงล่ะทำไง สองปี ห้าปี สิบปี ทำไง เห็นแมะ กังวลอีกละ
ไม่รู้เหมือนกัน ยังไงก็ต้องพยายามต่อไปแหละ ถึงต้องรีเซ็ตใหม่แต่ละวันก็ต้องพยายาม ไม่ใช่เพราะความทะเยอทะยานหรือความใฝ่ฝันอะไร แต่เพราะมันไม่มีทางเลือกนี่ เหมือนกับการกะพริบตาอะ ไม่ใช่ว่ากะพริบตาบ่อย ๆ เพราะชอบกะพริบที่ไหน
โคตรอีโมเลยเนาะ ไปฟัง My Chemical Romance แป๊บ
จริง ๆ แล้วปี 2018 มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก แค่ว่าอะไรที่ทำไปหรืออะไรที่เกิดขึ้น สุดท้ายเราก็จะจบวันด้วยความคิดที่ว่า เฮ่อ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้อง overexert อีก พอตื่นมาก็ เฮ่อ วันนี้ก็ต้อง overexert อีก มันก็เลยจะเริ่มต้นและจบวันด้วยความรู้สึกเฟล ๆ
เหมือนเราจะเริ่มปี 2019 ด้วยความตายด้าน แต่ที่สำคัญที่สุดคือต้องคอยบอกตัวเองว่า apathy อะ มีได้ แต่ต้องมองโลกในแง่ดีด้วย
ถ้าเรียกให้เท่ ๆ ก็ Optimistic Nihilism — สุญนิยมเชิงบวก!