ห้าสิบหนังผ่านไป

(เออ พอเอารูปมาเรียงกันอย่างงี้มันดูนิดเดียวเองเนาะ)

หกเดือนผ่านไป ไวเหมือนสลอธขี่ม้า

รู้สึกว่าคิดถูก ที่เมื่อตอนต้นปีโพล่งขึ้นมากับตัวเองว่า ปีนี้เราจะดูหนังซักร้อยเรื่อง

คิดถูกเพราะ หนึ่ง เราคิดว่าเราเขียนได้ดีขึ้น คือจากที่เขียนแล้วอ่านไม่รู้เรื่อง ก็อัพเกรดเป็นพอจับใจความได้บ้าง (จากมุมมองเราเองนะ) กระบวนการขย้อนความคิดออกมาบนคีย์บอร์ดก็ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ไม่ต้องนั่งเบ่งเหมือนเก่า ถึงตอนนี้จะยังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างก็ตาม สังเกตง่าย ๆ ว่าเดือนมกรา แต่ละเรื่องเราเขียนสั้นนิดเดียว เพราะไม่รู้จะเขียนอะไรนอกจากชอบ ไม่ชอบ พอมาเดือนกุมภา มีนา ก็เริ่มเขียนยาวขึ้น จำได้ตอนเขียนเรื่อง Watchmen เสร็จเรางงเลยว่าทำไมเขียนยาวจังวะ พอมาเดือนหลัง ๆ นี่เขียนเสร็จแล้วต้องตัดไปอีก อย่างเรื่อง Chef นี่ตัดไปเกือบครึ่ง พล่ามเยอะเกิน

สอง เราได้ดูหนังที่อยากดูมานานแล้ว แต่ทำไมไม่ได้ดูซักทีก็ไม่รู้ นี่คือเหตุผลอันดับหนึ่งที่เริ่มร้อยหนังเลย คือแต่ก่อนเราดูหนังน้อยมาก มันเหมือนมันมีช่องว่างอยู่ในสมอง เวลาคนอื่นพูดถึงหนังเรื่องนู้นเรื่องนี้แล้วเราบื้อ ตอนนี้เวลามีใครพูดถึง Tyler Durden เราก็เข้าใจซักที พอพูดถึง Scott Pilgrim ก็รู้แล้วว่าอะไรยังไงที่ไหน แถมพวกหนังคลาสสิกอย่าง Memento, The Princess Bride, American Psycho ก็บอกได้เต็มปากว่าเราดูแล้ว!

มันไร้สาระนะ แต่มันสำคัญกับเรา ฮ่า ๆ

สาม เราดูหนัง “เป็น” ขึ้น เวลามีคนแกะหนังเรื่องนึงออกมาเป็นฉาก ๆ แล้วเอามาวิเคราะห์แบบละเอียด ๆ ทั้งสี ทั้งตำแหน่งของตัวละคร มันหมายความว่ายังไง มันสื่อถึงอะไร คำพูด เอาฉากนู้นมาเทียบกับฉากนี้ มันขนานกันยังไง มันขัดแย้งกันยังไง เราว่ามันโคตรเท่ เราก็อยากลองบ้าง ก็สำเร็จบ้างไม่สำเร็จหลายบ้าง หลาย ๆ เรื่องพอเขียนเสร็จก็ไปหาบทวิเคราะห์มาอ่านว่ามันมีความหมายอะไรซ่อนอยู่ไหม

อย่างหนัง Edgar Wright นี่ foreshadowing เพียบ ถ้าอยากได้ตัวอย่างง่าย ๆ ก็ลองดูวิดีโอนี้ (อาจจะสปอยล์เล็กน้อย)

ตอนนี้เราก็ยังถือว่าหัดเขียนอยู่ ที่เขียน ๆ ไปนี่บางเรื่องก็ยังอาย ๆ กลับมาอ่านแล้วก็แบบ นี่เขียนยังงี้ไปเหรอ แต่บางเรื่องก็เขียนเองชอบเอง เพราะเขียนสนุก และหวังว่าจะอ่านสนุก อย่างที่พิมพ์สนุกที่สุดก็ Memento แหละ (เผื่อใครยังไม่เก็ท ต้องอ่านจากย่อหน้าท้ายสุดไปหาบนสุด ตามกิมมิคของหนัง)

ความยากสำหรับเราคือ หลาย ๆ ครั้งเราคิดคำอธิบายออกเป็นภาษาอังกฤษ แต่พอจะเอามาเขียนมันดันหาคำแปลไม่ถูก คือเราชอบภาษาอังกฤษเวลาใช้อธิบายนู่นนี่อะ เพราะมันมี adjective เยอะไง แล้วใช้คำ ๆ เดียวมันบอกอะไรได้เยอะดี อย่างเราคิดว่า The Lobster มัน weird มัน bizzare มัน surreal ไรงี้ แต่พอจะเขียนเป็นภาษาไทยมันก็ได้แค่แปลก แปลก และแปลก อย่างเราจะอธิบาย My Neighbor Totoro ว่ามัน whimsical ลองไปเปิดดิกดู ปรากฏมันแปลให้ว่าวิตรถาร ตาย ๆ หมดกัน โตโตโร่ฉัน

ไม่ใช่ว่าภาษาไทยไม่มีคำอธิบายดี ๆ นะ แต่โวแคปภาษาไทยเราแคบไง เลยได้แต่ใช้คำเดิม ๆ ซ้ำ ๆ (คำสุดฮิตก็มี แปลก ชอบ ความสัมพันธ์ วนเวียนอยู่แค่นี้แหละ) ช่วงหลังมานี่เลยลองอ่านบทวิจารณ์หนังภาษาไทยมั่ง รีวิวพันทิปมั่ง เผื่อจะรู้ศัพท์มากขึ้น

สุดท้ายแล้วทั้งหมดทั้งมวล ทั้งร้อยหนัง ทั้งโพสอื่น ๆ ในบล็อกนี้ เราก็ยังถือคติว่า ไม่ได้เขียนให้ใครอ่านหรอก เขียนให้ตัวเองในอนาคตกลับมาอ่าน (และกลับมาหัวเราะเยาะ) แต่ถ้าใครสละเวลามาอ่านก็ซึ้งใจ

ส่วนครึ่งหลังก็ onward and upward!

แปลไม่ถูก เย่!