1.

เคยได้ยินมาว่า ช่วงอายุยี่สิบต้น ๆ กลาง ๆ นั้น ในแต่ละปีชีวิตจะเปลี่ยนแปลงมากจนถ้ามองย้อนไปจะเหมือนกับเป็นคนละคน

ก็จริงนะ

ปีใหม่ทุกครั้งก็บ่นทุกครั้งว่าหลายอย่างเปลี่ยนไปเยอะมาก พูดง่าย ๆ ก็คือกลัวมั้ง กลัวความเปลี่ยนแปลง กลัวการเติบโต

ไม่นานมานี้มีคนถามว่าเดี๋ยวนี้ยังวาดรูปอยู่ไหม เราก็ตอบไปแบบไม่คิดว่า ไม่ค่อยได้วาดแล้วครับ ไม่มีเวลา

ตอบเสร็จพักนึงก็ใจหายวูบ เพราะตอนเด็กเราคิดว่าเวลาคนโตไปแล้วจะต้องเป็นผู้ใหญ่สีเทา คือตื่นตีห้ามาใส่เชิร์ตสีขาว ผูกไทโง่ ๆ นั่งรถชั่วโมงนึงไปกดคอมป๊อกแป๊ก ๆ ตานึงมองจออีกตามองนาฬิการอเวลาพักเที่ยง แล้วก็บอกตัวเองว่า เราจะไม่เป็นอย่างงั้น แต่พอเอาจริงถึงจะไม่ใช่อย่างที่คิดไว้ซะทีเดียว แต่ก็ยิ่งกลัวว่าถ้าวันนี้เราไม่มีเวลามานั่งวาดรูป แล้วอีกปีนึง สองปี ห้าปี สิบปีเราจะเป็นยังไง จะยังวาดรูปเล่นอยู่ไหม จะเขียนเว็บไร้สาระอยู่รึเปล่า แล้วเกมที่ทำไว้จะได้ทำต่อไหม หรือทุกอย่างจะจบลงด้วยคำว่า “ไม่มีเวลา”

กลัวว่าคนเราจะไม่โตไปเป็นผู้ใหญ่สีเทาชั่วข้ามคืน กลัวว่าจะค่อย ๆ แปลงกายไปช้า ๆ รู้ตัวอีกทีขาข้างนึงก็ก้าวออกมานอกเนเวอร์แลนด์แล้ว

กลัว

2.

เรื่องดี ๆ ในปีนี้คือเรามีความสุข

สุขที่ได้ใช้ชีวิตแบบที่อยากใช้ คืออยู่คนเดียว อยู่เงียบ ๆ แบบจริงจัง ตอนแรกกลัวว่าจะเหงา กลัวจะกลับไปเศร้าอีก แต่พอลองดูก็เออ แบบนี้ก็อยู่ได้นะ ก็โอเค

ชอบการอยู่คนเดียวแบบจงใจน่ะ คือถ้าจะออกไปพบเจอผู้คนก็ทำได้ ไม่มีปัญหา แต่ถ้าให้เลือกก็ขออยู่บ้าน แล้วการใช้คนอื่นเป็นตัวช่วยให้เรามีความสุขเหมือนในหนัง ปีนี้ก็พูดได้เต็มปากซักทีว่าไม่จำเป็น

ฟังดูเศร้า ๆ ขี้แพ้ ๆ เนอะ แต่ก็อยู่ได้ ไม่เป็นไร

3.

ปี 2015 เป็นปีที่จบด้วยงานศพ

เวลาเห็นฮีโร่ร้องไห้นี่ใจสลายนะ

ไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่านี้แล้ว มันมึน ๆ หัว รู้แค่กลับมาวันที่ 30 แล้วไม่รู้สึกอะไรนอกจากความเหนื่อย เหนื่อยกาย เหนื่อยใจ อยากให้มันผ่าน ๆ ไปเร็ว ๆ

นึกถึงฉากนึงใน How I Met Your Mother ที่โรบินพูดว่า “…That’s the magic of New Year’s. When that clock strikes midnight, we all get a fresh start —

and I don’t know about you, but I could really use one.”