ถ้าเทียบชีวิตการเรียนทั้ง 17 ปีของเรา (ตั้งแต่อนุบาลยันมหา’ลัย ข้ามชั้นบ้าง ซ้ำชั้นบ้าง บวกลบกันก็ได้เท่านั้นแหละ) เป็นบทละคร หรือหนังซักเรื่อง เราก็คงเพิ่งผ่านจุดไคลแมกซ์ของเรื่องมาได้ประมาณสองอาทิตย์

ไคลแมกซ์ก็คือสอบไฟนอลนั่นเอง ไฟนอลแบบ ไฟนอลจริง ๆ แล้ว ไฟนอลแบบ ชีวิตนี้ (คง) ไม่ต้องสอบอีกแล้ว เป็นช่วงเวลาที่คั้นเอาทุกหยดทุกหยาดไปสอบ ถ้าเป็นหนังแอ๊คชั่นก็คงเป็นตอนที่พระเอกซัดกับตัวร้ายโดยไม่สนใจตึกรามบ้านช่อง ยิงกันท่ามกลางเมืองที่กำลังไหม้เป็นเถ้าธุลี

…แล้วมันก็ผ่านไป

เดนิวมา (ตะกี้เพิ่งให้อากู๋แปลเป็นไทยได้ว่า ข้อไขเค้าความเรื่อง อ่านสนุกปากดี…) คือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังไคลแมกซ์ คือสิบปีผ่านไป คือบทสรุปของเรื่องก่อนเครดิตจะขึ้น ถ้าเป็นการ์ตูนโชวเน็นก็คือการเล่าว่าพระเอกหลังจากกอบกู้โลกจากจอมมารร้ายได้แล้ว โตไปเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว หรือถ้าเป็นนิทานก่อนนอน ก็เป็นการเล่าว่า หลังจากเจ้าหญิงเจ้าชายอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป เจ้าหญิงก็เริ่มลงพุง เจ้าชายไปมีเมียน้อย เล่ามาถึงช่วงนี้เด็กก็คงจะตาสว่าง

ถ้าจะเทียบกับหนังที่สร้างจากเรื่องจริง ก็เป็นช่วงที่หนังตัดเป็นสีดำแล้วมีตัวหนังสือสีขาวเฟดเข้าเฟดออก จับใจความได้ว่า หลังจากนั้นตัวเอกก็ได้รับรางวัลโนเบล ไม่กี่ปีต่อมาก็จากไปอย่างสงบ

หรือถ้าเอากลับมาเทียบกับชีวิตการเรียนของเรา เดนิวมาก็จะเป็นช่วงที่จบออกมาไปหางาน…

…ซึ่งตอนนี้มันไม่ใช่อะ

ณ เวลานี้มันเป็นช่วงอะไรไม่รู้ที่อยู่ระหว่างไคลแมกซ์กับเดนิวมา มันคือช่วงที่ตัวเอกกำลังนั่งแท็กซี่กลับบ้านหลังจากถีบตัวร้ายตกตึก มันคือช่วงที่ตัวเอกรอมคอมต้องทำงานใช้หนี้เพราะงานแต่งมันอลังการไป

ที่เขียนพล่ามมาไม่รู้กี่ย่อหน้าเนี่ย ประเด็นคือ จะบ่นว่าเราเหนื่อย

ปกติเราไม่ค่อยกล้าบ่นว่าเหนื่อยไง เพราะรู้ว่าหลังจากนี้ไปมันต้องเหนื่อยกว่านี้อีกเยอะ เพราะรู้ว่าคนอื่นก็เหนื่อยกันทั้งนั้นแหละ แต่เฮ้ย ก็ตอนนี้มันเหนื่อยอะ ทำไงได้

ที่ทำได้ก็คือ รอจนกว่าเดนิวมาจะมา

แล้วถึงตอนนั้นค่อยหาเรื่องบ่นอีกที